ผู้ที่ทำธุรกิจหรือธุรกิจ ตั้งแต่กางเต้นท์ขายหมูปิ้งจนถึงเปิดโรงงาน ย่อมจำต้องอีกทั้งลงทุน ลงแรง และก็มีเป้าหมายเป็นความเจริญ เติบโต แม้กระนั้นถ้าหากคำตอบมันไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวมา รวมทั้งแปลงเป็นว่าวันนี้มันกำลังลดน้อยล่ะ?…
สิ่งหนึ่งที่พวกเราจำเป็นต้องไม่ลืมเลือนเป็น ไม่ว่ากิจการค้าหรือกิจการค้าใด เพียงแค่ได้เปิดปฏิบัติการ มันยังไม่เรียกว่าเสร็จ แล้วก็แม้ว่าจะเปิดมานานรุ่งเรืองจนถึงมีความรู้สึกว่าเสร็จ ก็มิได้มีความหมายว่าโดยมากจะ “ขายดิบขายดีแล้วเลิก” กันเสียเมื่อใด อย่างไรก็จำต้องดำเนินกิจการไปต่อ ด้วยเหตุนี้ วันนี้แม้ว่าจะดีอยู่คราวหน้าบางทีอาจพบวันที่ธุรกิจการค้ามันกำลังลดน้อยก็ได้
ที่จริงวิธีการธุรกิจ เขาก็มีอยู่ในเรื่อง อุบายการลดน้อย (Retrenchment strategies) ตามตำราธุรกิจ หรือแม้เคยเรียน MBA มาก็จำเป็นต้องได้เรียนวิธีการนี้ แต่ทว่าคนไหนล่ะจะต้องการตั้งใจพอใจ โดยมากพวกเราก็มุ่งเป้าไปที่การเดินหน้า เติบโตกันทั้งมวล บางคราวเคยเรียนมา อ่านมา ลืมไปเลยเหตุว่ามีเรื่องมีราวนี้อยู่ สรุปว่าทวนกันก่อนสักนิดสักหน่อย
ยุทธวิธีการลดน้อย (Retrenchment Strategy)
มีวิธีการหลักอยู่ 3 ประการดังต่อไปนี้ เป็น
Turnaround Strategy (ยุทธวิธีกลับเนื้อกลับตัวหรือปรับนิสัย)
Divestment Strategy (แผนการถอนทุน)
Liquidation Strategy (ยุทธวิธีออกมาจากธุรกิจ, ล้มเลิกกิจการ)
วิธีการส่วนมากคล้ายคลึงกันแต่ว่านิยามแล้วก็คำชี้แจงต่างๆนาๆบ้าง ส่วนหนึ่งส่วนใดก็ตามช่วงและก็การนำไปประยุกต์ สำหรับผมแล้วเห็นว่าอีกทั้ง 3 ยุทธวิธีใช้เรียงตามน้ำหนักของการลดน้อย รวมทั้ง “รู้สึกตัวหรือยัง?” ด้วย พูดอีกนัยหนึ่ง หากธุรกิจเริ่มเป็นขาลง ลูกค้าเริ่มหาย หรือมองเห็นสัญญาณภาวะเศรษฐกิจประเทศ/โลก ไม่ค่อยดี บางทีอาจใช้การปรับนิสัย หรือกลับใจ (Turnaround) ก่อนได้โดยทันที ดังเช่น ลดการวัดวิธีขาย ลดการสต๊อกผลิตภัณฑ์ ลดพวกเงินลงทุนที่ไม่ส่งผลให้เกิดรายได้ (sunk cost) ทำนองนี้จะช่วยต่ออายุธุรกิจได้ รอคอยอะไรให้ดียิ่งขึ้น หรือหาจังหวะปรับแก้ปรับปรุงไปต่อ ถึงแม้ว่าจะผลิตภัณฑ์เริ่มไม่นิยม ก็แปลง หันไปทำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอนาคต ก็ถือเป็นการปรับพฤติกรรมที่ไม่เลว
คิดกล้วยๆได้ว่าจะ ‘สู้ ถอย หรือ หนี’ นี่แหละกลอุบาย
ตามที่พูดว่าแต่ละคนแต่ละตำราเรียนก็บางทีอาจแปลความหมายให้คำชี้แจงที่ไม่เหมือนกันบ้าง หรือมีกลอุบายนานาประการกว่า 3 ข้อนี้ แม้กระนั้นส่วนตัวเห็นว่ามันก็ครอบคลุมแล้ว ถ้าหากมองออกในรูปภาพรวม ซึ่งพินิจพิจารณากันกล้วยๆทั้งยัง 3 ข้อซึ่งก็คือการที่คิดเพียงแค่ว่าพวกเราจะ สู้-ถอย-หนี (Turnaround-Divestment-Liquidation) นี่แหละกลุยุทธ์ เพียงจะสู้ ถอย หนี มันก็ควรจะมีกลเม็ดเด็ดพราย…
อย่างข้อต่อมา การถอนทุน (Divestment) ก็จำเป็นต้องรู้เรื่องว่ามันหนักเกินกว่าจะสู้ให้ชนะ หรือรู้สึกตัวช้าไปหน่อยเสมือนที่กล่าวไป ก็จำเป็นต้องถอยมาบ้าง เคยยอดจำหน่าย 1 ล้าน เหลือ 5 แสน ก็ทำเช่นไรให้ 5 แสนยังคงเป็นผลกำไร ไม่ใช่ยอดจำหน่าย 5 แสนที่ขาดทุนก็พอแล้ว อะไรทำนองนี้ เรียกว่าจะต้องสารภาพ หรือจากเช่าห้องใหญ่มโหฬารทำเลดี ก็ยอมย้ายไปห้องเล็กในซอกซอย แม้กระนั้นลุกค้าเก่ายังตามมา ธุรกิจถึงแม้ไม่ดีเหมือนเดิมก็ยังเป็นกิจการค้าที่ได้กำไร ถ้าเกิดในธุรกิจใหญ่ๆเขาก็เลือกขายนิดหน่อยธุรกิจไป ฯลฯ
ท้ายที่สุดถ้าหากไม่ไหวก็จำต้อง ออกมาจากธุรกิจ (Liquidation) ที่ทำเป็นหลายแบบ จะว่าไปก็หลายระดับด้วย ขึ้นกับว่า “เลิก” ตอนห่วยขนาดไหน ตัวอย่างเช่น หากขายกิจการค้าถัดไปเพื่อควบรวมธุรกิจอื่น (เซ้ง) แนวนี้ผู้ซื้อได้ประโยชน์ รวมทั้งเขาเห็นค่า พวกเราก็จะได้ราคา (ทุนคืน) มากมายหน่อย หรือ การแยกขาย ก็บางทีอาจได้ราคาดีเป็นบางสิ่งบางอย่าง แม้กระนั้นเสียเวล่ำเวลาทำงานมากมาย โดยประมาณนี้เป็นการออกจากธุรกิจ
ส่วนหนึ่งส่วนใดพอนึกว่าธุรกิจลดน้อย หลายๆคนดูแต่ว่าจำเป็นต้องกำลังปิดกิจการสิ่งเดียว จริงๆแล้วตรงกันข้าม มันเป็นวิธีการที่มิได้จะเลิกแม้กระนั้นจะทำเช่นไรในสภาวะแบบนั้นให้เยี่ยมที่สุด เผื่อบางครั้งก็อาจจะกลับมาฟื้น(ในธุรกิจใหม่) ก็ได้นะ ท้ายที่สุด แม้ว่าจะล้มเลิกกิจการ ขายธุรกิจ แม้กระนั้นพวกเราก็จำเป็นต้องคิดถอนทุนหรือหาผลประโยชน์ให้เยอะที่สุดก่อน เพื่อเริ่มต้นใหม่ถัดไป
ที่เขียนไปเป็นเพียงแค่วิธีการอย่างคร่าวๆแบบทำความเข้าใจ ที่จริงหลายแนวทางไม่เคยเก่า ก็แค่รู้เรื่องมากแค่ไหน ดัดแปลงได้ขนาดไหน รวมทั้งต่อยอดได้มากแค่ไหน หลายๆเรื่องที่ผมศึกษาเล่าเรียนก็ชอบพบว่าล้วนต่อยอดจากเดิมตามบริบทที่เป็นเดี๋ยวนี้เพียงแค่นั้น ที่สำคัญใช้ประโยชน์ให้ได้ก็เพียงพอ